เมื่อช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ( 21 มิ.ย.) หน่วยยามชายฝั่งของสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความยืนยันว่า เครื่องบิน P-3 ของแคนาดา ซึ่งร่วมปฏิบัติการค้นหาเรือดำน้ำ "ไททัน" ของบริษัท “โอเชียนเกท เอ็กพิดิชันส์” (OceanGate Expeditions) ที่สูญหายใต้ทะเลลึก ได้ตรวจพบเสียงใต้น้ำในพื้นที่ค้นหา แต่ไม่ได้ระบุว่าเสียงนั้นเป็นเสียงเคาะหรือไม่ ตามที่มีรายงานข่าวออกมาก่อนหน้า
ทีมค้นหา "เรือดำน้ำไททัน" ตรวจพบ “เสียงใต้น้ำ” ยังไม่ทราบที่มา
ผู้เชี่ยวชาญชี้ "เรือดำน้ำไททัน" มีโอกาสพบคนรอดชีวิตจาก เพียง 1%
หน่วยยามชายฝั่งของสหรัฐฯ ระบุว่า หลังจากได้รับรายงานดังกล่าว ทีมค้นหาได้เปลี่ยนตำแหน่งการค้นหาด้วยยานสำรวจใต้น้ำควบคุมระยะไกล (ROV) เพื่อพยายามหาต้นตอของเสียง
อย่างไรก็ตาม จากผลการค้นหาของยานสำรวจใต้น้ำยังไม่พบเรือดำน้ำที่สูญหาย แต่ยังคงปฏิบัติการค้นหาต่อไป พร้อมให้ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเรือสหรัฐฯ นำข้อมูลที่ได้รับการแบ่งปันจากเครื่องบินของแคนาดามาทำการวิเคราะห์เพิ่มเติม เพื่อนำมาพิจารณาในแผนการค้นหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
คำยืนยืนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการตรวจพบเสียงใต้น้ำเกิดขึ้นเพียง 1 ชั่วโมง หลังจากสื่อสหรัฐฯ สองแห่ง คือสำนักข่าว CNN และ นิตยสารชื่อดัง Rolling Stone รายงานว่า มีบันทึกข้อความภายในของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าเครื่องบินของแคนาดาตรวจพบเสียงเคาะหลายครั้ง ห่างกัน 30 นาที มาจากพื้นที่ค้นหา และยังคงตรวจพบเสียงนั้นหลังเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมง หลังจากมีการใช้อุปกรณ์โซนาร์เพิ่ม
การสูญหายของเรือดำน้ำไททันใต้ทะเลลึก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของเรือดำน้ำนี้ โดยเฉพาะอดีตผู้โดยสารที่เคยเดินทางไปกับเรือดำน้ำลำนี้
หนึ่งในนั้นคือ เดวิด โพก์ (David Pogue) ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว CBS ที่เคยเดินทางไปกับเรือดำน้ำไททันเมื่อปีที่แล้ว ระบุว่า ตัวเขาเองเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของเรือดำน้ำลำนี้มาก่อน เพราะเห็นอุปกรณ์หลายอย่างภายในเรือดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือง่ายๆที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดคำพูดจาก เว็บสล็อต777
อย่างเช่นถังอับเฉาที่ใช้สูบน้ำเข้าออก ซึ่งทำจากท่อสำหรับงานก่อสร้างทั่วๆไป แต่เขาได้รับคำชี้แจงว่า สาเหตุที่ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่ายเป็นเพราะว่าสิ่งของเหล่านี้ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริง และการออกแบบตัวเรือดำน้ำเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากนาซา
ขณะที่ ไมค์ รีส (Mike Reiss) โปรดิวเซอร์รายการการ์ตูนเดอะซิมป์สัน ที่เคยเดินทางลงไปสำรวจซากเรือไททานิกกับเรือดำน้ำไททัน 4 ครั้ง ระบุว่า ทุกครั้งที่เขาเดินทางลงไปจะเกิดปัญหาด้านการสื่อสารกับผู้ที่อยู่บนผิวน้ำ แต่ตนเชื่อว่าการขาดการติดต่อในบางช่วงเวลาไม่ใช่ความผิดใคร เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ใต้น้ำลึกหลายพันเมตร
ส่วนภารกิจการค้นหา ทางทีมปูพรมค้นหาเรือดำน้ำตลอด 24 ชั่วโมง บริเวณตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งรัฐนิวฟันด์แลนด์ ทางตะวันออกของแคนาดาประมาณ 600 กิโลเมตร
โดยปฏิบัติการค้นหาเรือดำน้ำลำดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ไปแล้วประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร และได้รับความร่วมมือจากทีมกู้ภัยจากกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และหน่วยยามชายฝั่งทั้งของสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจากนิวยอร์ก และเรือวิจัยของฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตามทีมกู้ภัยกำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลา เพราะเรือดำน้ำไททันเหลือออกซิเจนใช้ในเรือไม่ถึง 30 ชั่วโมงเท่านั้น ความท้าทายของภารกิจนี้คือ จึงไม่เฉพาะยุ่งยากและซับซ้อนในการค้นหาจากตำแหน่งใต้ทะเลลึกเท่านั้น แต่ยังต้องทำงานแข่งกับเวลาอีกด้วย
ทิม มอลติน ผู้เชี่ยวชาญซากเรือไททานิค ให้สัมภาษณ์ว่า จุดที่ซากเรือไททานิกจมอยู่นั้น มืดสนิทถึงขั้นที่ว่า ต่อให้เอามือมาไว้ตรงหน้าก็มองไม่เห็น และสภาพอากาศก็หนาวจัด ไม่ต่างจากสภาพที่นักบินอวกาศต้องเผชิญเมื่อท่องอวกาศ
รายงานจากทิม มอลตัน ที่ระบุว่า การสื่อสารในระดับความลึกมากขนาดนั้นทำให้มีเพียงแค่เฉพาะคลื่นเสียงโซนาร์เท่านั้นที่ใช้ได้ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบีบีซี อ้างอิงจากความคิดเห็นของ โจนาธาน เอมอส ผู้สื่อข่าวสายวิทยาศาสตร์ ระบุว่า เมื่อคลื่นวิทยุหรือเรดาร์ใช้การไม่ได้ ทีมค้นหาทำได้เพียงแค่คอยฟังเสียง ฉะนั้นแล้วการที่พวกเขาค้นพบเสียงปริศนาจึงถือว่ามีความหมายอย่างมากในภารกิจการค้นหา เพราะการสืบหาตำแหน่งของเสียงจะช่วยให้วงการค้นหาแคบลง และทำให้ภารกิจสามารถบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ส่วนในประเด็นคุณภาพของเรือ ล่าสุดหลังเรื่องราวของเรือดำน้ำไททันกลายเป็นข่าวใหญ่ มีรายงานเสริมว่า ในปี 2018 ทางบริษัทเคยไล่ เดวิด ลอชริดจ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมออกจากงาน หลังพนักงานคนดังกล่าวออกมาเตือนผ่านการยื่นคำร้องว่า ตัวถังของเรือยังไม่ปลอดภัยมากพอ โดยในเอกสาร ลอชริดจ์ ชี้ว่า ผู้โดยสารอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้หากเรือดำลงไปใต้น้ำ
สำหรับเรือดำน้ำ "ไททัน" ซึ่งพานักท่องเที่ยวชมซากเรือไททานิกขาดการติดต่อกับเรือหลักเหนือผิวน้ำ ระหว่างดำดิ่งใต้ทะเลลึกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จุดที่ขาดการติดต่อไปอยู่ไม่ไลกจากซากเรือไททานิกอย่างไรก็ตามหากเรือจมอยู่ที่ก้นมหาสมุทร นั่นเท่ากับว่าเรืออยู่ลึกถึง 3,800 เมตร
ทางบริษัทอ้างว่า เรือดำน้ำได้ที่ความลึกมากถึง 4,000 เมตร แต่ลอชริดจ์อดีตพนักงานชี้ว่า คาร์บอนไฟเบอร์ไม่ได้ทนทานต่อแรงดันมากขนาดนั้น และมีประสิทธิภาพในการดำน้ำที่ 1,300 เมตรเท่านั้น
โดยล่าสุดมีการยืนยันรายชื่อผู้ที่อยู่บนเรือ 5 คนแล้ว ประกอบไปด้วย สต็อกตัน รัช ซีอีโอบริษัทโอเชียนเกตส์ เอ็กพิดิชันส์ ,ฮามิช ฮาร์ดิง มหาเศรษฐีนักธุรกิจการบินชาวอังกฤษ , พอล อองรี นาร์กิโอเลต์ นักสำรวจซากเรือไททานิกชาวฝรั่งเศส เจ้าของฉายามิสเตอร์ไททานิกและ ชาห์ซาดา ดาวูด รองประธานบริษัทพลังงานของปากีสถาน และลูกชาย สุไลมาน ดาวูด (Sulaiman Dawood)